6 เหตุผลที่ผู้ประกอบการส่งออกนั้นนิยมใช้บริการคลังสินค้าปลอดภาษี
หลายๆคนอาจจะรู้จักกับ คลังสินค้าปลอดภาษี (Free Trade Zone หรือ Bonded Warehouse) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก โดยช่วยลดต้นทุนด้านภาษีศุลกากร อำนวยความสะดวกในกระบวนการนำเข้า และ ส่งออก และ สร้างโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลายสำหรับผู้ประกอบการ ดังนั้นในบทความนี้เราจะอธิบายว่าคลังสินค้าปลอดภาษีสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งออกให้ผู้ประกอบการได้อย่างไรผ่านกลไกสำคัญต่าง ๆ อย่างไรบ้าง
ประโยชน์ของการใช้คลังสินค้าปลอดภาษีในการช่วยผู้ประกอบการในการนำเข้า และ ส่งออก
- ลดต้นทุนด้านภาษีศุลกากร และ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
- ยกเว้นภาษีนำเข้า และ ภาษีมูลค่าเพิ่ม
สินค้าหลายๆอย่างที่ถูกนำเข้ามาในคลังสินค้าปลอดภาษีจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า และ ภาษีมูลค่าเพิ่ม จนกว่าจะถูกนำออกจากคลังเพื่อนำไปจำหน่ายในประเทศ หรือ ส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น - ลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ และ คลังสินค้า
คลังสินค้าปลอดภาษีสามารถใช้เป็นจุดกระจายสินค้าระหว่างประเทศได้ ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งและ การเก็บรักษาสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณภาพ หรือ บรรจุภัณฑ์เพิ่มเติมก่อนการส่งออก
- ยกเว้นภาษีนำเข้า และ ภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ช่วยอำนวยความสะดวกในกระบวนการทางศุลกากร
- ลดความซับซ้อนของกระบวนการนำเข้าและส่งออก
การใช้บริการคลังสินค้าปลอดภาษีช่วยให้กระบวนการศุลกากรง่ายขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการสามารถนำเข้าสินค้าโดยไม่ต้องจ่ายภาษีทันที และ สามารถดำเนินการด้านเอกสารศุลกากรได้เมื่อมีการส่งออกเท่านั้น - ส่งออกได้รวดเร็วขึ้น
ด้วยการจัดเก็บสินค้าล่วงหน้าในคลังสินค้าปลอดภาษี ผู้ประกอบการสามารถตอบสนองคำสั่งซื้อได้รวดเร็วขึ้น เพราะสามารถจัดส่งสินค้าไปยังปลายทางได้ทันทีโดยไม่ต้องรอการอนุมัติจากหน่วยงานศุลกากรแบบดั้งเดิม
- ลดความซับซ้อนของกระบวนการนำเข้าและส่งออก
- เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
- รองรับการผลิตแบบ Just-in-Time (JIT)
การใช้บริการคลังสินค้าปลอดภาษีนั้นจะช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ระบบ Just-in-Time ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความจำเป็นในการเก็บสต็อกสินค้าเป็นเวลานาน ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลง - ดึงดูดนักลงทุน และ บริษัทต่างชาติ
การมีโครงสร้างพื้นฐานด้านคลังสินค้าปลอดภาษีที่ดีช่วยดึงดูดนักลงทุน และ บริษัทข้ามชาติให้เข้ามาตั้งฐานการผลิต และ กระจายสินค้าในประเทศนั้น ๆ ส่งผลให้การส่งออกเติบโตขึ้น
- รองรับการผลิตแบบ Just-in-Time (JIT)
- เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดใหม่
- สนับสนุนการขยายตลาดไปยังภูมิภาคอื่น ๆ
ผู้ประกอบการสามารถใช้บริการคลังสินค้าปลอดภาษีเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าไปยังภูมิภาคต่าง ๆ เช่น เอเชีย ยุโรป หรืออเมริกา โดยไม่ต้องเสียภาษีในประเทศที่ใช้เป็นจุดพักสินค้า ทำให้ต้นทุนการส่งออกลดลง - อำนวยความสะดวกในการทดลองตลาด
สินค้าสามารถถูกนำเข้ามาเก็บไว้ในคลังสินค้าปลอดภาษี และ สามารถส่งตัวอย่างไปทดลองตลาดในประเทศต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องเสียภาษี จึงเป็นข้อได้เปรียบสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายฐานลูกค้าใหม่
- สนับสนุนการขยายตลาดไปยังภูมิภาคอื่น ๆ
- เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า และ บริการ
- กระบวนการเพิ่มมูลค่าในคลังสินค้าปลอดภาษี
คลังสินค้าปลอดภาษีสามารถใช้เป็นสถานที่สำหรับเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้ เช่น การบรรจุภัณฑ์ การติดฉลาก การประกอบ หรือ การตรวจสอบคุณภาพก่อนส่งออก ซึ่งช่วยให้สินค้าแข่งขันได้ดีขึ้นในตลาดต่างประเทศ - รองรับการเปลี่ยนแปลงของซัพพลายเชน
ด้วยความยืดหยุ่นของคลังสินค้าปลอดภาษี ธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนซัพพลายเชนได้ตามสถานการณ์ตลาด เช่น การเลือกแหล่งวัตถุดิบที่คุ้มค่ากว่า หรือ การเปลี่ยนปลายทางการส่งออกโดยไม่ต้องเสียภาษีซ้ำซ้อน
- กระบวนการเพิ่มมูลค่าในคลังสินค้าปลอดภาษี
- ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และ ซัพพลายเชน
- พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์
การจัดตั้งคลังสินค้าปลอดภาษีช่วยกระตุ้นให้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ เช่น ท่าเรือ สนามบิน และ ระบบขนส่ง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมส่งออกโดยรวม - เชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและดิจิทัลโลจิสติกส์
ในยุคดิจิทัล คลังสินค้าปลอดภาษีสามารถใช้เป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศได้ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถจัดส่งสินค้าไปยังลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และ มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์
จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่าคลังสินค้าปลอดภาษีเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งออกผ่านการลดต้นทุนด้านภาษี อำนวยความสะดวกในการดำเนินงาน และ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในตลาดโลก นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ และ ซัพพลายเชน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม ผู้ประกอบการที่ใช้ประโยชน์จากคลังสินค้าปลอดภาษีอย่างเต็มที่ จะสามารถขยายธุรกิจ และ สร้างความได้เปรียบในการส่งออกได้อย่างยั่งยืน
ดังนั้นหากต้องการใช้บริการคลังสินค้าปลอดภาษี นั้นเราขอแนะนำ บริษัท โรเจอร์ กรุงเทพ จำกัด ซึ่งมีระบบการขนส่งระหว่างประเทศที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังมีบริการคลังสินค้าปลอดภาษี และ มีบริการอื่นๆอย่างมืออาชีพ อีกทั้งยังมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และ ประสบการณ์ ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทุกชนิดโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมี ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา ทางด้านการขนส่งสินค้า ได้หลากหลายประเภท สามารถขอคำแนะนำกับทางเราได้ตลอดเวลา ทางเรามีทีมงานคอยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้กับลูกค้าได้อย่างทันที เราจึงมั่นใจว่าจะบริการทุกธุรกิจได้อย่างราบรื่นนั้นเอง
ติดต่อสอบถาม
Website : https://www.rogers-thailand.com/th/
Facebook : https://shorturl.asia/USdpj
E-mail : infoth@rogers-asia.com
Tel : 02 752 6417