ความแตกต่างระหว่างการ “พิธีการศุลกากร” ขาเข้า และ ขาออก

ความแตกต่างระหว่างการ “พิธีการศุลกากร” ขาเข้า และ ขาออก

พิธีการศุลกากรขาเข้า และ ขาออก ผู้ประกอบการต้องเตรียมตัวอย่างไรให้ราบรื่น

ปัจจุบันโลกของการค้านั้นได้ขยายออกไปไกลครอบคลุมทั่วโลกถึงแม้ประเทศไทยจะเป็นอีกประเทศที่มีการเติบโตทั้งด้านการนำเข้าสินค้า และ การส่งออกสินค้า แต่ก็หลีกหนีไม่ได้ที่จะต้องทำตามขั้นตอนการดำเนินการต่างให้ถูกต้องตามกระบวนการ 

อีกทั้งการส่งออก และ นำเข้าสินค้าได้มีช่องทางการส่งมากมายทั้งทางบก ทางอากาศ หรือทางน้ำ จะต้องมีการผ่านพิธีการศุลกากรขาออก และ ขาเข้า ร่วมด้วยซึ่งเป็นการตรวจสินค้าขาออก และ ขาเข้าโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากร ผู้นำเข้า และ ผู้ส่งออกหลายๆคนสอบถามส่วนนี้กันเข้ามามากว่าขั้นตอนพวกนี้มีขั้นตอนอย่างไรกันบ้าง และ มีความแตกต่างกันอย่างไร ดังนั้นวันนี้เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับพิธีการศุลกากรขาเข้า และ ออกกัน

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับพิธีการศุลกากรขาเข้า และ ขาออก

  1. พิธีการศุลกากรขาออก
    โดยพิธีการศุลกากรขาออก คือ การดำเนินการตรวจสอบข้อมูลต่างๆทั้งตัวสินค้า และ เอกสารในการส่งออกว่าเป็นไปตามระเบียบการที่กรมศุลกากรกำหนดเอาไว้ หรือ ไม่ ในการดำเนินการพิธีศุลกากรขาออกนั้นจะเป็นไปเพื่อเป็นการตรวจเช็คสินค้าที่จะออกนอกประเทศ ตรวจสอบเอกสารต่างๆ รวมไปถึงชำระภาษีอากรสำหรับการส่งออก ผู้ส่งออก หรือ ชิปปิ้ง จะต้องจัดเตรียมเอกสารแนบไปกับสินค้าที่จะส่งออก และ นำไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ ถ้าหากเป็นสินค้าที่มีการควบคุมก็จะต้องมีการจัดเตรียมใบอนุญาตเพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรด้วย สำหรับการส่งออกผ่านทางอากาศ การดำเนินพิธีการศุลกากรขาออกจะเกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานที่ใช้สำหรับการจัดส่งสินค้านั้นเอง


  2. พิธีการศุลกากรขาเข้า
    หากเป็นพิธีการศุลกากรขาเข้านั้นไม่ว่าจะเข้ามาทางช่องทางไหนผู้นำเข้า หรือ ชิปปิ้งจะต้องเตรียมเอกสารรายการสินค้านำเข้า และ ชื่อผู้ขำเข้ามายื่นต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรเนื่องจากสินค้าที่นำเข้าจะยังไม่ถือว่าเป็นสินค้าที่นำเข้าอย่างถูกต้องนอกจากสินค้าจะถูกขนส่งมายังสถานที่ปลายทางโดยผ่านการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรประเทศปลายทาง และ ชำระภาษีอากรขาเข้าเรียบร้อยแล้วจึงจะถือว่าเป็นสินค้าที่ได้รับการนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งผู้นำเข้ามีหน้าที่เตรียมเอกสารสำหรับพิธีการศุลกากรขาเข้านั้นเอง

เอกสารที่จะต้องใช้สำหรับการพิธีการศุลกากรขาเข้า และ ขาออก

  1. เอกสารสำหรับพิธีการศุลกากรขาออก
    โดยสำหรับสินค้าที่จะถูกส่งออกไปต่างประเทศผู้ส่งออกควรมีเอกสารเพื่อใช้ในการส่งออกสินค้า และดำเนินพิธีการศุลกากรขาออกมีดังนี้
    • Bill of Landing หรือ Air Way Bill ใบตราส่งสินค้า หรือ ใบตราส่งสินค้าทางอากาศ
    • ใบ Invoice หรือ บัญชีแสดงรายการสินค้าสำหรับการส่งออกไปต่างประเทศ เป็นเอกสารที่บอกว่าสินค้าที่คุณจัดส่งมีสินค้าอะไรบ้าง
    • Packing list บัญชีรายละเอียดการบรรจุหีบห่อ
    • ใบอนุญาตส่งออก หรือ เอกสารอื่นๆในการควบคุมการส่งออก
    • เอกสารรมยาไม้ Furmigation Certificate ใช้สำหรับการส่งออกสินค้าที่ทำจากไม้ ลังไม้
    • เอกสารรับรองถิ่นกำเนิด certificate of origin สำหรับสิน้คาที่เป็นผ้า หรือ ไม้แปรรูปต่างๆ
    • เอกสารรับรองสุขอนามัยพืช Phytosanitary Certificate สำหรับสิน้คาเกษตรเช่น ไม้ต่างๆ
    • ISF filing form for USA สำหรับสินค้าทุกประเภทที่จะไปสหรัฐอเมริกาทางเรือ
    • AFR filing form for Japan สำหรับสินค้าทุกประเภทที่จะไปญี่ปุ่นทางเรือ

  2. เอกสารสำหรับพิธีการศุลกากรขาเข้า
    • ใบ Invoice หรือ บัญชีแสดงรายการสินค้าสำหรับการนำเข้าสินค้าเข้ามาในประเทศ เป็นเอกสารที่บอกว่าสินค้าที่คุณนำเข้ามีสินค้าอะไรบ้าง
    • Packing list บัญชีรายละเอียดการบรรจุหีบห่อ
    • Bill of Landing หรือ Air Way Bill ใบตราส่งสินค้า หรือ ใบตราส่งสินค้าทางอากาศ
    • ใบแจ้งยอดประกัน Insurance Premium Invoice
    • ใบอนุญาตการนำเข้า หรือ เอกสารอื่นๆสำหรับสินค้าในการควบคุมการนำเข้า
    • เอกสารรับรองถิ่นกำเนิด certificate of origin สำหรับสินค้าที่ต้องการลดอากร

ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าปัจจุบันการนำเข้า และ ส่งออกโดยผ่านพิธีการศุลกากรนั้นไม่ยากอย่างสมัยก่อนเนื่องจากปัจจุบันได้มีตัวแทน หรือ ชิปปิ้งเข้ามามีบทบาทในการช่วยเจ้าของกิจการในการดำเนินการต่างๆให้เป็นไปได้อย่างราบรื่น ถูกต้องตามกฎหมายในการส่งออกสินค้า และ นำเข้าสินค้านั้นมีขั้นตอนที่ไม่ยาก และ ไม่ซับซ้อนมีง่ายๆเพียงไม่กี่ขั้นตอนที่ผู้ส่งออก และ นำเข้าต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และระเบียบตามประกาศของกรมศุลกากร และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน เป็นการดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสารก็สามารถทำได้ไม่ยาก

ดังนั้นจากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นถึงความแตกต่างของการทำพิธีศุลกากรขาเข้า และ ขาออก อย่างเด่นชัดแล้วซึ่งไม่ได้ยากเย็น แตกต่างกันมากนัก แต่หากต้องการลดขั้นตอนต่าง และ ลดความยุ่งยากเราขอแนะนำบริษัท โรเจอร์ กรุงเทพ จำกัด ซึ่งมีระบบชิปปิ้งสินค้าที่มีมาตรฐาน รวดเร็ว แม่นยำ ปลอดภัย ทั้งใน และ ต่างประเทศ สามารถทำพิธีผ่านศุลกากรขาเข้า และ ขาออกได้อย่างครบถ้วนแม่นยำ จึงมั่นใจได้ว่าสินค้าของท่านจะถูกส่งมอบให้กับผู้รับ ได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ปลอดภัย อีกทั้งยังมี ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา ทางด้านธุรกิจ สามารถขอคำแนะนำกับทางเราได้ตลอดเวลา มีทีมงานคอยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้กับลูกค้าได้อย่างทันที เราจึงมั่นใจว่าจะบริการทุกธุรกิจได้อย่างราบรื่นนั้นเอง

 

สนใจใช้บริการระบบชิปปิ้งได้ที่
INDUSTRIAL RELOCATION
Tel : +66 (0) 2 180 0280
Mobile : 06-4181-1587
Email : infoth@rogers-asia.com

INTERNATIONAL RELOCATION
Tel: +66 (0) 2 752 6417
Mobile : 081-259-5333 , 065-820-4808
Email : exhibitions@rogers-asia.com

ผลงานของเรา