ขนส่งระหว่าง air freight sea freight

เปรียบเทียบการขนส่งระหว่าง air freight และ sea freight

ส่งสินค้าไปต่างประเทศแบบ air freight และ sea freight แบบไหนเหมาะสมที่สุด

ในปัจจุบันได้มีการติดต่อค้าขายระหว่างประเทศมากขึ้นซึ่งมีความสะดวกรวดเร็วมากกว่าสมัยก่อนพอสมควร โดยการขนส่งทางอากาศ (Air Freight) และ การขนส่งทางทะเล (Sea Freight) เป็นที่นิยมมากขึ้นเนื่องจากการขนส่งทั้งสองแบบนั้นสามารถขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ครอบคลุมทั่วโลกซึ่งผู้ประกอบการให้การยอมรับ แต่การขนส่งทั้ง 2 แบบ นั้นก็มีความแตกต่างกันหลายด้าน ซึ่งการขนส่งแต่ละประเภทก็มีข้อดี และ ข้อเสียขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ส่งสินค้า ดังนั้นในวันนี้เราจะมาดูการเปรียบเทียบในแง่มุมต่างๆ ของการขนส่งระหว่าง air freight sea freight ว่าเป็นอย่างไร 

ความแตกต่างระหว่างการขนส่ง air freight sea freight

  1. ความเร็วในการขนส่ง
    เมื่อเราพูดถึงความเร็วในการขนส่งสินค้าไปยังจุดหมายนั้น Air Freight มีความเร็วมาก โดยจะเหมาะสำหรับการส่งสินค้าที่ต้องการความเร่งด่วน เช่น สินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าทางการแพทย์ หรือ สินค้าที่มีอายุสั้น (เช่น อาหารสดต่างๆ) แต่ถ้าเป็น การขนส่ง Sea Freight จะช้ากว่าการขนส่งทางอากาศอย่างมาก เพราะการขนส่งทางเรือใช้เวลานาน โดยเฉพาะเมื่อส่งสินค้าข้ามทวีป เช่น อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงเป็นเดือน จึงเหมาะสำหรับสินค้าที่ไม่ต้องการความเร่งด่วนนั้นเอง

  2. ค่าใช้จ่ายในการขนส่ง
    โดยเมื่อเทียบค่าใช้จ่ายในการส่งของในปริมาณเดียวกันนั้น การขนส่งแบบ Air Freight จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงาน เช่น ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษาเครื่องบิน และ การควบคุมดูแลที่เข้มงวด จะมีมากกว่า แต่การขนส่งทางอากาศนั้นก็มีข้อได้เปรียบด้านเวลาที่ถึงจุดหมายได้เร็วกว่า แต่ถ้าเป็น การขนส่ง Sea Freight จะมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่ามาก จึงเหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าจำนวนมาก หรือ สินค้าที่มีขนาดใหญ่ เพื่อเป็นการประหยัดต้นทุนนั้นเอง

  3. ความจุในการขนส่งแต่ละรอบ
    หากเป็นการขนส่งทางอากาศ หรือ Air Freight นั้นจะมีข้อจำกัดด้านน้ำหนัก และ ขนาดของสินค้า เนื่องจาก เครื่องบินสามารถบรรทุกสินค้าที่มีน้ำหนัก และ ปริมาณที่จำกัดเมื่อเทียบกับ การขนส่งทางเรือ Sea Freight ซึ่งการขนส่งทางเรือสามารถขนส่งสินค้าปริมาณมาก และ มีขนาดใหญ่ได้ เช่น เครื่องจักร วัตถุดิบ หรือ สินค้าเทกอง เพราะเรือขนส่งสามารถบรรทุกได้มากกว่ามากซึ่งเหมาะกับสินค้าที่หลากหลายมากกว่าการขนส่งทางอากาศ

  4. ความปลอดภัยของสินค้าระหว่างขนส่ง
    การขนส่งแบบ Air Freight นั้นมีความปลอดภัยสูงกว่าการขนส่งแบบทางเรือ เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่จะถูกจัดการอย่างด้านความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ และ มีความเสี่ยงต่อความเสียหายน้อยกว่าการขนส่งทางเรือ เพราะเวลาขนส่งนั้นสั้นกว่า แบบ Sea Freight ซึ่งแม้จะมีระบบรักษาความปลอดภัยตัวสินค้าที่ดี แต่เนื่องจากเวลาขนส่งที่ยาวนาน และการขนส่งสินค้าปริมาณมาก อาจทำให้เกิดความเสียหายได้หากไม่มีการจัดการอย่างถูกต้อง นั้นเอง

  5. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    หากจะพูดถึงด้านการรักษาสภาพแวดล้อมนั้น การขนส่งแบบ Air Freight นั้นปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยการขนส่งสูงกว่าการขนส่งทางทะเล เพราะเครื่องบินใช้เชื้อเพลิงจำนวนมาก แต่สามารถขนส่งสินค้าได้น้อยกว่ามาก เมื่อเทียบกับ Sea Freight ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าในแง่ของการขนส่งต่อหน่วย โดยเฉพาะสำหรับสินค้าที่มีน้ำหนัก หรือ ปริมาณมากจึงเป็นการช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้อย่างดี

  6. ความยืดหยุ่นในการขนส่งสินค้า
    ในการขนส่งแบบ Air Freight นั้นมีความยืดหยุ่นสูงกว่าการขนส่งแบบทางเรือในแง่ของตารางเวลา เนื่องจากมีเที่ยวบินมากในแต่ละวัน และ สามารถเข้าถึงประเทศ หรือ เมืองต่างๆ ได้รวดเร็วมากกว่าซึ่ง Sea Freight มีความยืดหยุ่นต่ำกว่าจำเป็นจะต้องรอรอบของสายเดินเรือ โดยเฉพาะหากเทียบกับระยะเวลา และ จำนวนท่าเรือที่รองรับ แต่เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าที่ไม่รีบร้อนมากนัก

จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่า การขนส่งแบบ Air Freight นั้นเหมาะสำหรับการขนส่งที่ต้องการความรวดเร็ว สินค้าที่มีมูลค่าสูง หรือ สินค้าที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ แต่หากเป็นแบบ Sea Freight นั้น เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าจำนวนมาก สินค้าขนาดใหญ่ และ เมื่อผู้ส่งต้องการประหยัดต้นทุนซึ่ง

การเลือกใช้วิธีขนส่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆด้าน เช่น งบประมาณ ระยะเวลา และ ความปลอดภัยของสินค้า เป็นต้น จึงต้องศึกษาการขนส่งแต่ละแบบว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรโดยหากต้องการผู้ให้บริการด้านการขนส่งที่หลากหลาย และ มีความเป็นมืออาชีพเราขอแนะนำ บริษัท โรเจอร์ กรุงเทพ จำกัด ซึ่งมีระบบการขนส่งสินค้าหลากหลายช่องทาง เช่น air freight sea freight ได้อย่างมืออาชีพ อีกทั้งยังมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และ ประสบการณ์ ในการขนส่งสินค้าทุกชนิดโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมี ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา ทางด้านการขนส่งต่างๆ ได้หลากหลายประเภท สามารถขอคำแนะนำกับทางเราได้ตลอดเวลา ทางเรามีทีมงานคอยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้กับลูกค้าได้อย่างทันที เราจึงมั่นใจว่าจะบริการทุกธุรกิจได้อย่างราบรื่นนั้นเอง

 

ติดต่อสอบถาม

INTERNATIONAL LOGISTICS SERVICES
Tel : +66 (0) 2 180 0280
Mobile : 06-4181-1587
Email : infoth@rogers-asia.com

INTERNATIONAL RELOCATION
Tel: +66 (0) 2 752 6417
Mobile : 081-259-5333 , 065-820-4808
Email : exhibitions@rogers-asia.com