ความแตกต่างของการขนส่งสินค้าทางเรือและทางอากาศ
การขนส่งสินค้าทางเรือและทางอากาศมีอะไรบ้าง
เทรนการทำธุรกิจในปัจจุบันไม่ได้จำกัดเพียงแค่ในประเทศไทยอีกต่อไป หลายๆคนเริ่มมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปที่ต่างประเทศกันมากขึ้น ยิ่งโลกยุคนี้ที่เราทุกคนสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างง่ายดายนั้น การพูดคุยข้ามประเทศก็ดูเป็นเรื่องง่ายไปซะหมด ธุรกิจที่ดูจะฮอตฮิตในยุคนี้มากที่สุดแม้แต่เจ้าโควิดตัวร้ายก็โค่นไม่ลงก็คงจะเป็นธุรกิจ Logistic service นั่นเอง
แม้ธุรกิจอื่นจะได้รับผลกระทบจากโควิดขนาดไหน แต่เราก็ยังเห็นบริษัทขนส่งเจ้าดังประกาศแจกโบนัสพนักงานอยู่ดี เหตุผลที่ธุรกิจ Logistic service ยังเหนียวแน่นอยู่ได้นั้น ก็อาจจะมาจากการที่คนต้องการนำเข้าสินค้าหรือส่งสินค้าไปยังอีกประเทศหนึ่ง ซึ่งการที่จะส่งสินค้าไปได้นั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้บริการบริษัท Logistic service โดยที่การขนส่งสินค้านั้นจะมีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบ ทั้งทางรถ ทางเรือและทางอากาศ สำหรับคนที่ต้องการจะฝากส่งสินค้าควรจะเลือกรูปแบบการขนส่งให้เหมาะสมกับสินค้าของตนเอง เพราะแต่ละรูปแบบก็จะมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งระยะเวลาและราคาค่าขนส่ง หากเราเลือกรูปแบบขนส่งให้เหมาะสมกับสินค้าตนเอง ก็จะช่วยประหยัดต้นทุนและลดปัญหาความเสียหายของสินค้าระหว่างขนส่งได้
รูปแบบการขนส่งที่เราจะหยิบขึ้นมาพูดในวันนี้คือการขนส่งสินค้าทางเรือและทางอากาศ เหตุผลที่เราเลือก 2 รูปแบบนี้ขึ้นมา เพราะเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมจากคนที่ทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออกสินค้าอย่างมาก เราจะมาพูดกันถึงข้อดี-ข้อเสียของขนส่งแต่ละรูปแบบพร้อมแนะนำว่าสินค้าประเภทไหนบ้างที่เหมาะกับการขนส่งทางเรือและทางอากาศ
การขนส่งสินค้าทางเรือ
ข้อดีของการขนส่งสินค้าทางเรือก็คือมีราคาค่าขนส่งที่ต่ำกว่าแบบอื่น และยังสามารถขนสินค้าแต่ละครั้งได้ในปริมาณมาก แม้สินค้าชิ้นนั้นจะมีขนาดใหญ่ก็ตาม แต่ข้อเสียก็คือใช้ระยะเวลาในการขนส่งนานกว่ารูปแบบอื่น เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30-60 วันต่อการขนส่งในแต่ละครั้งแต่ถ้าโชคร้ายเจอสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจก็อาจจะใช้เวลานานกว่านั้นได้ ดังนั้นใครที่คิดจะขนส่งรูปแบบนี้ละก็ ต้องเผื่อเวลาในการรอสินค้าเข้าไปด้วย บางคนอาจจะคิดว่าการขนส่งทางเรือนั้นสามารถไปได้แค่ในระยะทางใกล้ๆแต่ในความเป็นจริงแล้ว การขนส่งสินค้าทางเรือสามารถไปยังประเทศที่อยู่ห่างไกลก็ได้ ไม่ต่างจากการขนส่งทางอากาศเลย ซึ่งสินค้าที่เหมาะกับการใช้บริการขนส่งทางเรือนั้นควรจะเป็นสินค้าที่เสียหายยากหรือมีขนาดที่ใหญ่ เช่น เครื่องจักร ข้าวเปลือก ทราย เป็นต้น หากเป็นสินค้าชิ้นเล็กหรือเสียหายง่ายแต่ต้องการจะขนส่งสินค้าทางเรือก็ทำได้ โดยอาจจะบรรจุไว้ในตู้คอนเทรนเนอร์อีกที เพื่อป้องกันสินค้าตกหล่นหรือเสียหายระหว่างทาง ข้อควรระวังอีกอย่างก่อนคิดที่จะขนส่งสินค้าทางเรือก็คือสินค้าที่เราจะขนส่งนั้นไม่ควรเป็นของที่เน่าเสียได้ง่าย เช่น ผลไม้ ของสด อย่างที่บอกไปว่าการขนส่งรูปแบบนี้ใช้ระยะเวลานาน หากสินค้าด้านในเป็นของที่มีระยะเวลาเน่าเสียละก็ คงไม่ทันอย่างแน่นอน
การขนส่งทางอากาศ
การขนส่งทางอากาศนั้นก็คือใช้ระยะเวลาขนส่งสินค้าไม่นาน รวดเร็วกว่ารูปแบบขนส่งอื่นๆ หากสินค้าที่เราต้องการส่งมีโอกาสเน่าเสียได้ง่าย ขนส่งทางอากาศน่าจะตอบโจทย์มากที่สุดเพราะใช้ระยะเวลาในการขนส่งสินค้าจากประเทศหนึ่งมายังอีกประเทศหนึ่งแค่ 3-14 วันโดยประมาณ การขนส่งทางอากาศนั้นเหมาะสำหรับการส่งสินค้าที่มีระยะทางที่ไกลแต่ต้องการความรวดเร็ว ยิ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลที่เรือไปลำบาก การขนส่งทางอากาศอาจจะสะดวกกว่า แต่ค่าขนส่งสินค้าทางอากาศนั้นก็แพงไปตามความสะดวกที่จะได้รับ และยังมีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดสินค้าและปริมาณสินค้า รวมถึงน้ำหนักที่สามารถส่งได้ในแต่ละรอบอีกด้วย แม้การขนส่งทางอากาศจะมีข้อดีในเรื่องของเวลาและเที่ยวบินหลายเที่ยวต่อวันก็ตาม แต่ถ้าสภาพอากาศไม่ดีเครื่องบินก็ไม่สามารถขึ้นบินได้ ของที่เราควรจะได้รับตามวันที่กำหนดก็อาจล่าช้าตามไปด้วย ในเรื่องของความปลอดภัยและความเสียหายของสินค้านั้น รูปแบบขนส่งทางอากาศถือว่าดูแลได้ดีทีเดียว สินค้าที่เหมาะสำหรับการขนส่งทางอากาศก็จะเป็นพวกผลไม้ ผัก เครื่องสำอาง ของกิน สินค้าที่สามารถเสียหายได้ง่ายและสินค้าที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก เป็นต้น ข้อควรระวังหากตัดสินใจเลือกรูปแบบขนส่งทางอากาศก็คือต้องทำการตรวจเช็คให้ดีว่าปลายทางหรือต้นทางที่เราต้องการขนส่งสินค้านั้นมีสนามบินรองรับหรือไม่ หากไม่มีสนามบินก็ไม่สามารถขนส่งรูปแบบนี้ได้
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าการจะขนส่งสินค้าได้นั้นจะต้องมีบริษัท Logistic service เป็นตัวกลางเข้ามาช่วยในเรื่องนี้ เพื่อลดความยุ่งยากในการดำเนินการและประหยัดเวลาของเราด้วย ดังนั้นการเลือกบริษัท Logistic service ที่ไว้วางใจได้ มีความเชี่ยวชาญในการขนส่งโดยเฉพาะ ก็จะช่วยให้เรามั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่าสินค้าของเราจะได้รับการดูแลจนถึงปลายทางอย่างแน่นอน ผู้เขียนขอแนะนำให้รู้จักกับบริษัทโรเจอร์ ประเทศไทย ซึ่งให้บริการเกี่ยวกับการขนส่งหลายรูปแบบ ทั้งขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ บริการขนส่งเพื่อจัดแสดง บริการขนย้ายที่พักอาศัย บริการขนย้ายสำนักงาน บริการขนย้ายเพื่ออุตสาหกรรมและเครื่องจักรกล บริการดำเนินการพิธีศุลกากร บริการเช่าพื้นที่คลังสินค้า เป็นต้น เรามีพนักงานที่ผ่านการอบรมทักษะในด้านการบรรจุและขนย้ายสินค้าตามมาตรฐานสากลคอยให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าขนาดใหญ่หรือสินค้าที่ต้องใช้ความละเอียดสูง ทางโรเจอร์ ประเทศไทย ก็พร้อมที่จะให้บริการด้วยความเป็นมืออาชีพและราคาที่เหมาะสม
บริษัทขนส่งสินค้าทางเรือและทางอากาศนั้น ช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดส่งสินค้าของเราไปยังปลายทางได้อย่างมาก หากเราเลือกบริษัท Logistic service ที่มีความเป็นมืออาชีพ ก็จะช่วยลดความกังวลในเรื่องการจัดส่งสินค้าไปได้ แต่ถ้าเราเลือกบริษัทที่ไม่ได้คุณภาพ สินค้าของเราอาจจะเกิดความเสียหายระหว่างทางได้ ดังนั้นบริษัทโรเจอร์ ประเทศไทย พร้อมที่จะช่วยคุณในการขนส่งสินค้าให้ถึงปลายทางได้อย่างปลอดภัย ด้วยราคาที่ย่อมเยาว์และบริการที่เป็นมืออาชีพ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
INTERNATIONAL LOGISTICS SERVICES
Tel : +66 (0) 2 180 0280
E-mail: infoth@rogers-asia.com