
ทำไมสินค้าติดด่านศุลกากร? วิธีแก้ปัญหาล่าช้าในการ Custom Clearance
แนะนำขั้นตอนต่างๆเพื่อลดปัญหาการผ่านด่านศุลกากร(Custom Clearance)
ปัจจุบันการนำเข้า หรือ ส่งออกสินค้าในยุคโลกาภิวัตน์เป็นส่วนสำคัญของการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยในกระบวนการค้าระหว่างประเทศ คือ ความล่าช้าในการผ่านพิธีการศุลกากร (Custom Clearance) ซึ่งอาจทำให้สินค้าติดอยู่ที่ด่านศุลกากร ที่จะส่งผลกระทบต่อต้นทุน เวลา และความพึงพอใจของลูกค้า ดังนั้นบทความนี้เราจะเจาะลึกสาเหตุที่ทำให้สินค้าติดด่านศุลกากร ปัญหาที่พบบ่อย และ วิธีแก้ไขเพื่อลดความล่าช้าในการผ่านพิธีการศุลกากรอย่างละเอียด เพื่อให้ผู้นำเข้า และ ผู้ส่งออกสามารถจัดการกระบวนการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสำคัญของพิธีการศุลกากร (Custom Clearance)
เราจะทราบว่า พิธีการศุลกากร (Custom Clearance) คือกระบวนการที่หน่วยงานศุลกากรของแต่ละประเทศตรวจสอบ และ อนุญาตให้สินค้าผ่านเข้า หรือ ออกจากประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย กระบวนการนี้จะครอบคลุมการตรวจสอบเอกสาร การตรวจสอบสินค้า การคำนวณภาษี และ อากรศุลกากร รวมถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบต่าง ๆ เช่น การควบคุมสินค้าต้องห้าม หรือ จำกัด กระบวนการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจาก
- ความปลอดภัยของชาติ: พิธีการศุลกากร (Custom Clearance) ช่วยป้องกันการนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย เช่น อาวุธ ยาเสพติด หรือ สินค้าที่เป็นอันตราย
- การเก็บภาษี: ศุลกากรเป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาลผ่านภาษีนำเข้า และ ส่งออก
- การควบคุมคุณภาพ: พิธีการศุลกากร (Custom Clearance)ช่วยตรวจสอบว่าสินค้าตรงตามมาตรฐาน เช่น มาตรฐานอาหาร ยา หรือ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
- การปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ: เช่น ข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) หรือ ระเบียบขององค์การการค้าโลก (WTO)
ซึ่งในประเทศไทย กรมศุลกากรเป็นหน่วยงานหลักที่คอยดูแลกระบวนการนี้ โดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ระบบ NSW (National Single Window) เพื่ออำนวยความสะดวก อย่างไรก็ตาม ความล่าช้ายังคงเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งเราจะสำรวจในหัวข้อถัดไป
สาเหตุที่ทำให้สินค้าติดด่านพิธีการศุลกากร (Custom Clearance)
โดยจะพบว่าการที่สินค้าติดด่านพิธีการศุลกากร (Custom Clearance)อาจเกิดจากหลายๆปัจจัย ทั้งจากความผิดพลาดของผู้นำเข้า/ผู้ส่งออก ความซับซ้อนของกฎระเบียบ หรือ ข้อจำกัดของระบบศุลกากรซึ่งมีสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
- เอกสารไม่ครบถ้วน หรือ ไม่ถูกต้อง
- เอกสารเป็นหัวใจสำคัญของพิธีการศุลกากร (Custom Clearance) หากเอกสารขาดหาย หรือ มีข้อผิดพลาด สินค้าจะถูกระงับการตรวจปล่อยทันที ปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวกับเอกสาร ได้แก่
- ใบขนสินค้า (Customs Declaration): ข้อมูลในใบขนสินค้าไม่ตรงกับสินค้าจริง เช่น รายละเอียดสินค้า ปริมาณ หรือ มูลค่า ไม่ตรงความจริง
- ใบอนุญาตนำเข้า/ส่งออก: สินค้าบางประเภท เช่น อาหาร ยา หรือ วัตถุอันตราย ต้องมีใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหาร และ ยา (อย.) หรือ กระทรวงอุตสาหกรรม
- ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin): CO นั้นมีความจำเป็นสำหรับสินค้าที่ขอใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA หากไม่มี หรือ ระบุไม่ถูกต้อง อาจทำให้เสียสิทธิลดหย่อนภาษีได้
- เอกสารอื่น ๆ: เช่น Invoice, Packing List, Bill of Lading (B/L) หรือ Air Waybill (AWB) ที่ระบุข้อมูลไม่ครบถ้วน หรือ ไม่สอดคล้องกัน
- ข้อผิดพลาดในรหัสพิกัดศุลกากร (HS Code): การระบุ HS Code ผิดอาจทำให้เสียภาษีสูงกว่าที่ควรหรือ ถูกระงับเพื่อตรวจสอบ
- เอกสารเป็นหัวใจสำคัญของพิธีการศุลกากร (Custom Clearance) หากเอกสารขาดหาย หรือ มีข้อผิดพลาด สินค้าจะถูกระงับการตรวจปล่อยทันที ปัญหาที่พบบ่อยเกี่ยวกับเอกสาร ได้แก่
- การไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ และ ข้อจำกัด
สินค้าบางประเภทนั้นมีข้อจำกัดตามกฎหมาย เช่น สินค้าต้องห้าม (Prohibited Goods) หรือ สินค้าควบคุม (Restricted Goods) ซึ่งต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขเฉพาะ ซึ่งต้องอาศัยความรู้ในการผ่านพิธีการศุลกากร (Custom Clearance) โดย- สินค้าต้องห้าม: เช่น ยาเสพติด อาวุธสงคราม หรือ สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ หากตรวจพบจะถูกยึด และดำเนินคดี
- สินค้าควบคุม: เช่น สัตว์มีชีวิต ผลิตภัณฑ์อาหาร หรือ เคมีภัณฑ์ ต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- ข้อจำกัดด้านโควตา: สินค้าบางชนิด เช่น สินค้าเกษตร อาจมีโควตานำเข้าที่จำกัด หากเกินโควตาจะถูกระงับ
- การไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน: เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านการรับรองจาก มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) หรือ อย.
- ปัญหาด้านโลจิสติกส์ และ การบริหารจัดการ
ความล่าช้าในบางส่วนของพิธีการศุลกากร (Custom Clearance) อาจเกิดจากปัญหาด้านการจัดการ ของตัวแทนที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น- การประสานงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ: การสื่อสารที่ล่าช้าระหว่างผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ชิปปิ้ง (Freight Forwarder) หรือ ตัวแทนออกของ (Customs Broker)
- ความแออัดที่ท่าเรือ หรือ สนามบิน: ในช่วงที่มีปริมาณสินค้ามาก เช่น ช่วงเทศกาล หรือ ปลายปี ท่าเรือหรือ สนามบินอาจแออัด ทำให้การเคลื่อนย้ายสินค้าล่าช้า
- ปัญหาด้านการชำระเงิน: เช่น การชำระภาษีล่าช้า หรือ การไม่ชำระค่าธรรมเนียม เช่น ค่าธรรมเนียมตู้คอนเทนเนอร์ (Demurrage) หรือ ค่าจัดเก็บ (Detention)
วิธีแก้ปัญหาความล่าช้าในการผ่านพิธีการศุลกากร (Custom Clearance)
เพื่อลดความล่าช้า และ เพิ่มประสิทธิภาพในการผ่านพิธีการศุลกากร (Custom Clearance) ผู้ประกอบการสามารถใช้แนวทาง ดังต่อไปนี้เพื่อให้ลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
- เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน และ ถูกต้อง
- ตรวจสอบเอกสารล่วงหน้า: ตรวจสอบว่าเอกสารทั้งหมด เช่น Invoice, Packing List, Bill of Lading, Certificate of Origin และ ใบอนุญาตต่าง ๆ ครบถ้วน และ สอดคล้องกัน
- ใช้ HS Code ที่ถูกต้อง: ตรวจสอบรหัสพิกัดศุลกากรจากกรมศุลกากร หรือ ปรึกษาตัวแทนออกของเพื่อให้แน่ใจว่าระบุ HS Code ถูกต้อง
- ยื่นเอกสารผ่านระบบ NSW: ใช้ระบบ National Single Window เพื่อยื่นเอกสารล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ
- เก็บสำเนาเอกสาร: เก็บสำเนาเอกสารทั้งในรูปแบบกระดาษ และ ดิจิทัล เพื่อให้สามารถแก้ไข หรือ ยื่นซ้ำได้ทันทีหากเกิดปัญหา
- ปฏิบัติตามกฎระเบียบ และ ข้อจำกัด
- ศึกษากฎระเบียบล่วงหน้า: ตรวจสอบว่าสินค้าที่นำเข้า หรือ ส่งออกนั้นอยู่ในประเภทต้องห้าม ควบคุม หรือ ต้องมีใบอนุญาต หรือ ไม่ โดยสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์กรมศุลกากร หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อย., กระทรวงเกษตรฯ หรือ กระทรวงพาณิชย์
- ขอใบอนุญาตล่วงหน้า: สำหรับสินค้าควบคุม เช่น อาหาร ยา หรือ เคมีภัณฑ์ ควรยื่นขอใบอนุญาตก่อนการขนส่ง เพื่อป้องกันความล่าช้า
- ใช้ประโยชน์จาก FTA: หากสินค้าได้รับสิทธิประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรี เช่น ASEAN Free Trade Area (AFTA) หรือ Thailand-Japan FTA ต้องเตรียม Certificate of Origin ให้ครบถ้วนเพื่อลดภาษี
- ใช้บริการตัวแทนออกของ (Customs Broker) หรือ ชิปปิ้งที่มีประสบการณ์
- เลือกตัวแทนที่เชื่อถือได้: ตัวแทนออกของที่มีประสบการณ์จะช่วยจัดการเอกสาร และ ประสานงานกับศุลกากรได้อย่างรวดเร็ว
- ให้ข้อมูลที่ชัดเจน: ส่งข้อมูลสินค้า และ เอกสารที่ครบถ้วนให้ตัวแทนตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อลดข้อผิดพลาด
- ติดตามสถานะอย่างใกล้ชิด: สอบถามความคืบหน้าการผ่านพิธีการศุลกากรจากตัวแทนเป็นประจำ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที
- จัดการด้านโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพ
- วางแผนการขนส่งล่วงหน้า: ตัวแทนชิปปิ้งต้องจองพื้นที่ตู้คอนเทนเนอร์ หรือ เที่ยวบินล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงความแออัดในช่วงฤดูกาลที่มีการขนส่งสูง
- ชำระค่าธรรมเนียมทันเวลา: ให้จัดเตรียมเงินสำหรับชำระภาษี อากร และ ค่าธรรมเนียมต่าง ๆให้พร้อม เช่น ค่าตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อป้องกันการถูกปรับ
- เลือกท่าเรือ หรือ สนามบินที่เหมาะสม: เช่น ท่าเรือแหลมฉบัง หรือ สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีระบบพิธีการศุลกากร (Custom Clearance) ที่มีประสิทธิภาพ และ เทคโนโลยีทันสมัย
จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะพบว่าการที่สินค้าติดด่านพิธีการศุลกากร (Custom Clearance) อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น เอกสารไม่ครบถ้วน การไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ การตรวจสอบโดยศุลกากร ปัญหาด้านโลจิสติกส์ หรือ ข้อผิดพลาดต่าง ซึ่งความล่าช้าเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุน เวลา และ ความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการสามารถลดปัญหานี้ได้โดยการเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ปฏิบัติตามกฎระเบียบ และ ใช้บริการกับตัวแทนออกของที่มีประสบการณ์ จะช่วยให้การผ่านพิธีการศุลกากร (Custom Clearance) ราบรื่น และ รวดเร็วขึ้น จะส่งผลให้ประเทศไทยยังคงเป็นศูนย์กลางการค้าที่แข่งขันได้ในเวทีโลกได้
ดังนั้นหากต้องการใช้บริการผู้เชี่ยวชาญในการดำเนินการด้านพิธีการศุลกากร (Custom Clearance) เราขอแนะนำ บริษัท โรเจอร์ กรุงเทพ จำกัด ซึ่งมีบริการผ่านพิธีการศุลกากร (Custom Clearance) ที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งยังมีบริการโลจิสติกส์ และ มีบริการอื่นๆอย่างมืออาชีพ ทั้งยังมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และ ประสบการณ์ ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทุกชนิดโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมี ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา ทางด้านการขนส่งสินค้า ได้หลากหลายประเภท สามารถขอคำแนะนำกับทางเราได้ตลอดเวลา ทางเรามีทีมงานคอยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้กับลูกค้าได้อย่างทันที เราจึงมั่นใจว่าจะบริการทุกธุรกิจได้อย่างราบรื่นนั้นเอง
ติดต่อสอบถาม
Website : https://www.rogers-thailand.com
Facebook : Rogers Thailand
E-mail : infoth@rogers-asia.com
Tel : 02 752 6417
Line : @rogersthailand
Powered by Froala Editor